วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

น้ำหมักชีวภาพ น้ำหมักเอนไซม์ จากผักและผลไม้ โดยกรรมวิธีทางธรรมชาติ


เอนไซม์
คือ สารโปรตีน ที่ได้จากขบวนการสลายตัวด้วยวิธีธรรมชาติ โดยการสร้างสภาพความเป็นกรดอ่อนด้วยสารอินทรีย์ แบบจำกัดอากาศ และมีน้ำเป็นองค์ประกอบ เพื่อให้ไอน้ำในอากาศแตกตัวเป็น ออกซิเจนอิสระ ทำให้สารอาหารในพืชผัก, ผลไม้ มีโอกาสแตกตัว ออกมาเป็นแร่ธาตุต่าง ๆ ซึ่งอยู่ในรูปของประจุไฟฟ้า และเปิดโอกาสให้จุลินทรีย์   สลายตัวให้สารโปรตีนในรูปของกรดอะมิโน  และไวตามิน


การทำเอนไซม์ เป็นกระบวนการในการเปลี่ยนรูปพืชผัก, ผลไม้ ให้อยู่ในรูปของสารอาหารเพื่อให้เก็บไว้ได้นาน โดยอาศัยประสิทธิภาพของการแตกประจุไฟฟ้า ( Effective Ionic Charge ) จึงทำให้ได้สารอาหารในรูปอิออน และพลังงาน ที่พร้อมจะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายเพื่อนำไปใช้ได้ทันที

ดังนั้น จะพบว่าเมื่อเรารับประทานเอนไซม์แล้วจะรู้สึกสดชื่น ร่างกายมีพละกำลังแข็งแรง  รอบๆ ตัวเราล้วนเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เรียกว่าจุลินทรีย์  เราสามารถมีชีวิตอยู่ได้ก็ด้วยอาศัยสิ่งเหล่านี้ ในปัจจุบันมนุษย์เราทำลายสภาพแวดล้อม ทำให้เกิดอาหาร, อากาศ เป็นพิษกันมากขึ้น เมื่อร่างกายมนุษย์อ่อนแอ จุลินทรีย์ ที่เป็นประโยชน์ก็กลับกลายเป็นโทษกับตัวมนุษย์เอง ดังนั้นเราจึงต้องช่วยกันจัดสรรสิ่งแวดล้อมเพื่อให้จุลินทรีย์ต่าง ๆ ทำประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เอนไซม์คือตัวกลางที่ทำหน้าที่ในการกระตุ้นให้วงจรหรือระบบต่างๆในร่างกาย ของเราให้ทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น


เอนไซม์มีหน้าที่สำคัญ 2 ประการ  คือ
  1. เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้นและ
  2. เพื่อบำรุงส่งเสริมให้ระบบต่างๆให้ทำงานได้ดีขึ้น 
การนำเอาน้ำผลไม้ที่ได้จากการหมักมาดื่มเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยในการกระตุ้น และส่งเสริมการทำงานของร่างกายให้ดียิ่งขึ้นนี่เองที่เราเรียกว่า "น้ำเอนไซม์"

การทำน้ำเอนไซม์สำหรับดื่มนั้นสามารถทำได้ 2 วิธี คือ


  1.  ได้จากการคั้น, ปั่นด้วยเครื่องปั่น, สับ, หรือตำกับครก แล้วกรองเอากากออกด้วยผ้าขาวบาง หรือจะใช้เครื่องแยกกากก็ได้  แต่หลังทำเสร็จควรดื่มทันทีและไม่ควรทิ้งไว้นานเกินครึ่งชั่วโมง เพราะหากเก็บไว้นานจะทำให้เอนไซม์ที่มีอยู่ในตัวผักและผลไม้เสื่อม ประสิทธิภาพลง
           
  2. ได้จากการนำผลไม้มาหมัก   ซึ่งในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะกระบวนการที่ได้จากการหมักและกรรมวิธีขั้นตอน ของการหมัก  เพราะสามารถเก็บไว้ดื่มได้นานกว่าและให้สารโปรตีนที่ประกอบไปด้วย วิตามิน  ซึ่งเมื่อทานเข้าไป จะเกิดการแลกเปลี่ยนการใช้สารอาหารได้สูงสุด ณ จุดที่ร่างกายสามารถนำของ เสียทิ้งได้ทั้งหมด และทำให้ร่างกายสร้างพลังงานในแต่ละเซลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลให้เกิดการ สร้างเซลใหม่ทดแทนเซลเก่าที่ตายในแต่ละวันได้เต็มที่ 
เราลองมาดูกันว่าน้ำเอนไซม์ในผัก ผลไม้ที่ดื่มกันนั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง


ประโยชน์ของเอนไซม์


1. ปรับความเป็นกรดเป็นด่างในร่างกาย
2. ทำให้ระบบการย่อยและการขับถ่ายดีขึ้น
3. ทำให้แต่ละเซลในร่างกายได้สารอาหารอย่างสมดุล
4. สลายสารพิษและสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย ( ลดการใช้ยาปฏิชีวนะ )
5. อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามินและเกลือแร่ คือ วิตามินบีรวม, บี 1, บี 2, บี12วิตามินที่ได้ในการนำผลไม้แต่ละชนิดมาหมักผลไม้แต่ละชนิดการนำมาหมัก เป็นเอนไซม์จะได้วิตามินไม่เหมือนกัน โดยมีรายละเอียดดังนี้

ลำดับ
ชนิดพืชที่นำมาหมัก
วิตามินที่ได้
1
ผลไม้รสหวาน
วิตามิน เอ, ดี, อี, เค
2
ผลไม้รสเปรี้ยว
วิตามิน ซีและเค
3
จากข้าว
วิตามิน บี ซี อี




ขั้นตอนการทำน้ำเอนไซม์

            
การทำหัวเชื้อน้ำเอนไซม์ (Enzyme) น้ำผลไม้เข้มข้นใช้ดื่มเพื่อสุขภาพทำหัวเชื้อ      


นำผลไม้ 3 กก. +  น้ำผึ้ง 1 กก. +  น้ำ 10 ลิตร

หมักไว้เป็นเวลา 3 เดือน – 1 ปี


ขึ้นไปจะได้หัวน้ำผลไม้เข้มข้นที่สกัดด้วยวิธีการทางธรรมชาติ ให้แยกเอาน้ำออกมา

ส่วนกากผลไม้ที่เหลือให้ผสมน้ำผึ้ง1 กก. + น้ำ 10 ลิตรหมักทิ้งไว้ 2 เดือนขึ้นไป จนกว่ากากผลไม้ที่เหลือจะย่อยสลายหมดสามารถทำซ้ำอีก 3-4 ครั้งก็จะได้หัวน้ำผลไม้เข้มข้นที่สกัดด้วยวิธีการทางธรรมชาติเก็บไว้เพิ่ม อีก
เราจะพบว่าในช่วงอายุของการหมักหรือการขยายก็ดี ช่วงเวลาภายใน  3 เดือนแรก – 1 ปี จะมีจุลินทรีย์ต่างๆ มากมายลงมาทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพเรียกว่าหัวเชื้อน้ำผลไม้เข้มข้นที่ สกัดด้วยวิธีการทางธรรมชาติ หากเรานำผลิตผลช่วงนี้ไปใช้ดื่มกิน จะเกิดผลข้างเคียง ซึ่งไม่เป็นที่นิยมยอมรับ              
แต่เมื่อเราได้หัวเชื้อดังกล่าวแล้ว ซึ่งอายุต้องมากกว่า 1 ปีขึ้นไปจึงจะมีประสิทธิภาพ เราสามารถที่จะนำหัวเชื้อไป ขยาย ด้วยกระบวนการหมักในภาชนะพลาสติกที่ปิดจำกัดอากาศ ในขั้นตอนนี้จะไม่มีเชื้อจุลินทรีย์ต่างๆที่เป็นอัตตรายเหลืออยู่เลย เพราะสัดส่วนดังกล่าวเป็นสัดส่วนที่ปลอดเชื้อ
ดังนั้นท่านจะพบว่าในกระบวนการดังกล่าวเราไม่มีจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายต่อ มนุษย์และสิ่งแวดล้อม แต่เป็นผลผลิตของจุลินทรีย์ ซึ่งให้สารอาหารต่างๆ ในรูปของ โปรตีน( กรดอะมิโน), ไวตามิน, เกลือแร่, พลังงาน ฯ  
โดยใช้หัวเชื้อน้ำผลไม้เข้มข้นที่สกัดด้วยวิธีการทางธรรมชาติ 4 แก้ว +น้ำผึ้ง 1 กก. + น้ำ 10 ส่วน  หมักไว้เป็นเวลานาน  7 วันขึ้นไป ก็จะได้น้ำเอนไซม์พร้อมดื่มที่ช่วยให้การย่อยอาหารและการขับถ่ายดีขึ้น, ทำให้เซลในร่างกายได้รับสารอาหารอย่างสมดุล , สลายสารพิษและสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย, ลดการถูกทำลายในเซล, คงความเป็นหนุ่มสาวทำให้แก่ช้า,อุดมด้วยโปรตีน ไวตามิน และเกลือแร่


หรือ นำหัวเชื้อน้ำผลไม้เข้มข้น ที่อายุนาน 10 ปี มา 1 ส่วน + น้ำผึ้ง 1 ส่วน +  น้ำ 10 ส่วน หมักไว้นาน 6 เดือน จะนำไปดื่ม หรือ นำไปเป็นหัวเชื้อ ขยายต่อไปอีก ด้วยอัตราส่วน หัวเชื้อขยาย 1 ลิตร  + น้ำผึ้ง 1 กิโลกรัม + น้ำ 5 ลิตร นาน 1 ปี จะได้น้ำเอนไซม์พร้อมดื่ม ที่ช่วยในการฟื้นฟูร่างกาย ย่อยอาหาร สลายสารพิษของตกค้างในเลือด ลดไขมัน อย่างได้ผลดี
ง่าย ๆ เพียงแค่นี้ ทำไม่ยาก แต่อาจต้องใจเย็นและใช้เวลาในการหมักหน่อยค่ะ


เอนไซม์บำบัด (Enzyme Therapy)

เอนไซม์บำบัด หรือ Enzyme Therapy Systemic หรือ ระบบการบำบัดด้วยการเสริม เอนไซม์ เป็นศาสตร์ของการฟื้นฟู บำบัด สุขภาพ ด้วยการใช้ เอนไซม์ จากการบริโภค หรือ การใช้โภชนาการบำบัด หรือ ธรรมชาติบำบัด โดยการเสริม เอนไซม์ โดยการรับประทาน หรือบริโภค เอนไซม์ จากอาหารธรรมชาติ ที่มี เอนไซม์ ในปริมาณสูง ง่าย ๆ ที่เราเห็นทั่วไป ก็คือ การบริโภค น้ำเอนไซม์ จากผักหรือผลไม้สด การคั้น น้ำเอนไซม์ จากผลไม้หรือผัก ดื่มเพื่อ การล้างพิษ เพื่อสุขภาพ


เอนไซม์บำบัด หรือ Enzyme Therapy Systemic เป็นศาสตร์ในการดุแลสุขภาพแบบองค์รวม ของแพทย์ทางเลือก ซึ่งเป็นการรวมศาสตร์การรักษาหลาย ๆ แขนงเข้าด้วยกัน ผู้ที่ใช้หลัก เอนไซม์บำบัด ต้องมีความรู้ ทั้งเรื่อง ระบบต่าง ๆ ของร่างกาย กลไกการทำงานของ เอนไซม์ ในร่างกาย แหล่งอาหารที่มาของ เอนไซม์ เป็นต้น


แพทย์แผนปัจจุบัน ให้ความสนใจในการนำหลัก เอนไซม์บำบัด มาใช้กับผู้ป่วยในหลาย ๆ โรค เช่น โรคเบาหวาน มีการเสริม เอนไซม์อินซูลิเนส ในผู้ป่วย หรือ โรคท้องอื่ดเรื้อรัง มีการเสริมเอนไซม์ไลเปส ในการช่วยย่อย หรือ โรคบาดแผลเรื้อรัง มีการเสริม เอนไซม์ หลาย ๆ ชนิด ในการช่วยย่อยหนอง หรือทำให้แผลแห้งไว้ ไม่เป็นแผลเป็น หรือแม้กระทั่งในปัจจุบัน โรคมะเร็ง เนื้องอกบ้างชนิด แพทย์สมัยนี้ ก็มีการให้รับประทาน เอนไซม์ บางชนิด ที่ช่วยไปยับยั้ง การเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง เซลล์เนื้องอกได้



เอนไซม์บำบัด หรือ เอนไซม์ ที่ใช้ในการรักษาบำบัด สามารถแบ่งออกเป็น เอนไซม์ตับอ่อน และเอนไซม์พืช


เอนไซม์จากตับอ่อน เป็น เอนไซม์ ที่ได้มาจากเอนไซม์ในสัตว์ต่าง  ๆ ทำการสกัดมาเพื่อนำมารักษา เช่น การสกัด เอนไซม์ อินซูลิเนส จากตับอ่อนของหมู  เอนไซม์ จากผึ้ง หรือในน้ำผึ้ง เอนไซม์ นี้จะทำงานเพื่อส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน และระบบย่อยอาหารเพื่อสุขภาพ


เอนไซม์จากพืช หรือเป็น เอนไซม์ ที่มาจากอาหาร เช่น สับปะรด มะละกอ เอนไซม์ กลุ่มนี้ จะทำงานเพื่อให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย







การดูแล ฟื้นฟู สุขภาพ ในแบบของ เอนไซม์บำบัด ตามวิถีธรรมชาติบำบัด จึงเป็นแนวทางในการเสริมภาวะการพร่อง หรือ ขาดเอนไซม์ ในการฟื้นฟู รักษา สุขภาพ ด้วยการบริโภค หรือ การกินเสริมเข้าไปนั้นเอง


ในการฟื้นฟูสุขภาพแนวนี้ ตามหลักการหลัก ๆ ก็คือ การปรับสมดุลระบบการย่อย หรือ ทางเดินอาหารให้สะอาด และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั้นเอง เพื่อให้ร่างกายได้พักฟื้น ระบบเลือดสะอาดขึ้น ไม่เหลือของเสียตกค้างในร่างกาย ทำให้ร่างกายสามารถนำเอาสารอาหารไปเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบภูมิคุ้มกันทำงานน้อยลง และแข็งแรงขึ้นเมื่อได้รับสารอาหารเต็มที นับได้ว่า เป็นขั้นตอนในการ ทำให้ร่างกาย ย่อยอาหาร และ ดูดซึม เข้าไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสมบูรณ์นั่นเอง


มาเริ่มต้นทำความรู้จัก เอนไซม์ หลัก ๆ กันก่อน ดังนี้

  • อะไมเลส  แป้งย่อยสลาย
  • Bromelain  ลดอาการอักเสบ ย่อยอาหารโปรตีน และไขมัน ได้จาก สับปะรด
  • catalase    ทำงานร่วมกับ SOD เพื่อลดการผลิตอนุมูลอิสระ ต่อต้านมะเร็ง
  • เซลลูเลส ย่อยสลายเซลลูโลส พบมากในพวกผักต่าง ๆ
  • Lactase     ย่อยสลายแลคโตสหรือน้ำตาลนม (เกือบ 65% ของคนที่ขาด)
  • ไลเปส     ย่อยสลายไขมัน
  • protease   ย่อยสลายโปรตีน
เอนไซม์ เหล่านี้ ล้วนพบอยู่ในอาหารจำพวก ผัก ผลไม้ เราสามารถได้รับเข้าไปทุกวัน ถ้าคุณรับประทานอาหารเหล่านี้ แบบสด ๆ แต่ในปัจจุบัน เราไม่ค่อยทานผักสด ผลไม้สด กันมากนัก แต่เรารับประทานอาหารที่ปรุงสุก ซึ่งส่งผลให้ เราได้รับ เอนไซม์ ไม่เพียงพอในแต่ละวัน อีกทั้งภาวะความเครียด ความเหนื่อยล้าของร่างกาย ทำให้ ตับอ่อน ซึ่งเป็นแหล่งผลิต เอนไซม์ ในร่างกายเรา ผลิต เอนไซม์ ได้ ไม่เพียงพอในแต่ละวัน ส่งผลให้การย่อยอาหารในร่างกาย ไม่สมบูรณ์ เกิดการตกค้างของอาหาร เกิดเป็นของเสียในระบบทางเดินอาหาร เกิดการหมักหมมในลำไส้ และเกิดเป็นของเสีย ที่ถูกดูดซึมกลับเข้าไปในกระแสเลือด ทำให้เกิดของเสียในเลือด จนก่อเป็นปัญหา ทำให้ร่างกายอ่อนแอ และมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ได้มากขึ้น


จึงเห็นได้ว่า เอนไซม์บำบัด หรือ Enzyme Therapy Systemic จึงเป็นอีกศาสตร์หนึ่งที่คุณควรให้ความสนใจศึกษา ค้นคว้าเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มทางเลือกหนึ่งในกับการดูแลสุขภาพของคุณ และคนที่คุณรักได้


ที่มา http://friutenzyme.blogspot.com


ลิ้งค์ของบทความที่เกี่ยวข้อง


1. สูตรน้ำหมักผลไม้เพื่อสุขภาพ ป้าเช้ง
4. ตัวอย่างผู้ที่ใช้น้ำหมักผลไม้ชีวภาพ เพื่อสุขภาพ รักษาโรคมะเร็ง
5. คุยกันเรื่องการทำน้ำหมักชีวภาพ
6. งานวิจัย น้ำหมักชีวภาพที่ผลิตจากผลมะหลอด download pdf file 1.06 MB
7. การทำน้ำหมักชีวภาพ จากผลไม้ต่าง ๆ โดย สิงห์เคอาร์

2 ความคิดเห็น:

คุณไก่แดงครับ รายการความรู้ที่คุณหามาไว้ให้ในนี้เป็นประโยชน์กับบุคคลอื่นมากมาย ก็แล้วแต่ว่าใครจะเอาไปใช้ประโยชน์ได้มากแค่ใหน แต่อยากจะรบกวนท่านไก่แดงกรุณาเพิ่มราละเอียด เกี่ยวกับยารักษามะเร็งให้มากกว่านี้อีกสักหน่อยนะครับ เพื่อว่าจะมีคนสนใจ และที่เป็นมะเร็งกำลังต้องการความช่วยเหลืออยู่ก็เป็นไดันะครับ

ขอได้รับความขอบตุณมา ณ โอกาศนี้เป็นอยางสูง ลุงห้วยมงคล

ต้องการสั่งซื้อ..สั่งได้ที่ไหนค่
ID:line :kai0915590491
ตอบหน่อยนะค่ะ
ต้องกินดูค่ะ..โรคที่เป็นอยู่จัได้หายค่ะ

แสดงความคิดเห็น

Best Blogger TipsComment Options - You Can Add Images, Colored Text And Marquee Text To Your Comment.

Image - [im]Image URL Here[/im]
Colors - [co="red"]Comment Text Here[/co] - Change Red To The Color You Want.
Marquee - [ma]Comment Text[/ma]
Get This - Blogger Comment Script

Share

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Best Blogger TipsBest Blogger Tips