ไข่ดองน้ำส้มสายชูหมัก

ยาอมตะชุด 1 รักษา เบาหวาน ความดัน หัวใจ เก๊าท์ อัมพฤกษ์ อัมพาต ปวดข้อ ไหล่ติด หมดความรู้สึกทางเพศ ทำให้หลอดเลือดสะอาด สร้างภูมิต้านทาน ใบหน้าอ่อนวัย ไม่มีสิว

นมบัวหิมะธิเบต หรือ คีเฟอร์

สรรพคุณ ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เพิ่มภูมิต้านทานต่อสู้กับเชื้อโรค ช่วยให้ตับ ม้ามแข็งแรง รักษากระเพาะ และลำไส้ รักษาอาการภูมิแพ้ แพ้อากาศ ทำให้ความดันเป็นปกติ ป้องกันการขยายตัวของมะเร็ง ช่วยละลายนิ่ว อุดมด้วยแคลเซียม ตามธรรมชาติ ฯลฯ

น้ำหมัก ผัก ผลไม้ สมุนไพร เพื่อสุขภาพ

ประโยชน์ของเอนไซม์ ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง โดยน้ำหมักจะช่วยให้เซล์ต่าง ๆ แข็งแรง มีอายุยืน และให้พลังงานในการกำจัดเซลล์ที่ผิดปกติทันที ไม่ปล่อยให้ลุกลามเป็นเนื้อร้าย ทำหน้าที่ต่อต้านเชื้อโรคต่าง ๆ ทั่วร่างกาย ลดคลอเลสเตอรอล ฯลฯ

น้ำชาหมักเพื่อสุขภาพ คอมบูชา

ช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น ลดอาการปวดศีรษะไมเกรน และโรคข้ออักเสบ ลดอาการผิดปกติของภาวะเมตาบอลิซึม ลดการเสี่ยงต่อการเป็นโรคเกาต์ เบาหวาน โรคเครียดและมะเร็ง ยับยั้งเชื้อที่ก่อโรคในระบบทางเดินอาหารหลายชนิด

สมุนไพรปราบมะเร็ง

รวบรวมสมุนไพรไทยที่พิฆาตมะเร็งได้จริง และสามารถปลูกเองได้ง่าย ๆ

วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556

วิธีปลูกสุมนไพร โดยไม่ต้องรดน้ำ

ให้ปลูกต้นฤดูฝน หลังจากที่ฝนตกหนัก ๆ จนอึ่งอ่างร้องระงม จบ.

วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

วิธีแสดงความคิดเห็น


1. ให้สมัครบัญชีของกูเกิ้ลก่อนนะครับถึงจะแสดงความคิดเห็นในบล็อคนี้ได้
2. ไม่ขอตอบเรื่องเกี่ยวกับไข่ดองน้ำส้มสายชูหมักนะครับ
เพราะทางหน่วยงานราชการออกมาเตือนแล้ว
ถ้าผมยังขืนดันทุรังไป ผมอาจติดตารางได้ !?!
แต่ที่ผมทานเองและให้คนใกล้ชิดทานก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ
คือถ้ามีอาการปวดตามร่างกายจนทนไม่ไหวก็ให้หยุดเท่านั้นเอง
และผมจะใช้สูตรไข่ดองนี้ในกรณีที่มีการอุดตันของเส้นเลือด
และมีอาการหินปูนพอก ตามข้อต่าง ๆ ของร่างกาย เท่านั้น
ส่วนโรคอื่น เบาหวาน ความดัน ไขมันในเลือดสูง มะเร็ง
ผมไม่แนะนำให้ใช้สูตรไข่ดองครับ เพราะมีสูตรอื่นที่เหมาะสมกว่า
3.  ถ้าผมเห็นคำพูดที่ไม่เหมาะสม ผมขอลบนะครับ
เพราะที่นี่ไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ของผู้ใด
4. ถ้ามีอะไรจะแนะนำเพิ่มเติม หรือจะให้ลงเกี่ยวกับเรื่องอะไรเพิ่มเติม
กรุณาช่วยแนะนำได้ที่นี่นะครับ จักเป็นพระคุณอย่างสูง
***ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมบล็อคนะครับ***

ปล. บล็อคนี้ ไม่สนับสนุนการใช้สารเคมีและของนอกนะครับ
เพราะใช้หลักของหมอชีวก โกมารภัจจ์คือ
"โรคเกิดที่ไหน ยาก็อยู่ที่นั่น" และ "ต้นไม้ใบหญ้าทุกชนิดมีสรรพคุณเป็นยา"
ถ้าไม่ใช่โรคเวรโรคกรรมจริง ๆ โรคทุกโรคมีทางออก
มีทางบรรเทารักษาได้ครับ


วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555

แปะตำปึง สมุนไพรครอบจักรวาล


(จั่วหัวแบบนี้เดี๋ยวก็โดนดีอีกหรอก ไม่เข็ดหรือ: ท่านผู้อ่านนึกแซว)
(หุหุ!?! ยาสมุนไพรเค้าก็เขียนสรรพคุณแนวนี้ทั้งนั้นแหละ มันเป็นเทคนิคการเชิญชวนในขั้นแรก และบรรยายสรรพคุณในขั้นต่อมา   ใครจะว่ายังไง ก็ช่างหัวมัน หุ!!!หุ!!! (ช่างหัวมัน คำพ้องกับชื่อโครงการพระราชดำริ) ดังนั้นไม่ถือว่าเป็นคำหยาบซะทีเดียว :-)  บ้าน(บล็อก) เราซะอย่าง ก็ต้องเขียนบรรเลงตามไสตล์ใครสไตล์มันส์...: ผู้เขียนอธิบาย)
(แล้ววงเล็บเนี่ยจะใส่ทำไมซะมากมาย:ผู้อ่านสงสัย)
(อยากรู้ก็ไปถามสาวยาคูลท์ดูซิครับ:ผู้เขียนตอบเหมือนคนลืมกินยา)
อย่ามัวเสียเวลากันอีกเลยครับ เราไปเข้าเรื่องกันดีกว่า

แปะตำปึง แก้ เบาหวาน ความดัน ภูมิแพ้ มะเร็ง

ชื่ออื่นๆ : แปะตำปึง หรือ จักรนารายณ์ 
ชื่อวิทยาศาสตร์  : Gynura procumbens (Lour.) Merr.
ต้นกำเนิด : ต้นยานี้มาจากประเทศจีน บางท่านเรียกว่า จินฉี่เหมาเยี่ย เข้ามาในไทยพร้อมกับหญ้าปักกิ่งหรือหญ้าเทวดา แปะตำปึง ถูกตั้งชื่อเป็นไทยว่าจักรนารายณ์ แต่มีชื่อเรียกหลากหลาย เช่น กิมกอยมอเช่า หรือ ผักพันปี เป็นต้น

ลักษณะ : เป็นไม้พุ่มเตี้ย ลำต้นสีเขียว แตกกิ่งก้านอ่อน หักง่าย เมื่อโตเต็มที่ใน ฤดูหนาว  จะออกดอกสีเหลืองมีก้านยาว แปะตำปึง มี 2 ชนิดคือ
1. ชนิดใบกลม (แปะตำปึง)ใบสีเขียวอ่อน ใบหนาเพราะมีขนหนานุ่มแบบกำมะหยี่ทั้งด้านบนและล่าง เส้นใบด้านบนลึกเช่นเดียวกับเส้นกลางใบแต่ด้านหลังใบกลับนูน กิ่งก้านออกเขียวปนแดง เปราะหักง่าย
2. ชนิดใบยาว (จินฉี่เหมาเยี่ย) ใบค่อนข้างยาวกว่าแหลมกว่าและผิวใบค่อนข้างเรียบ เพราะขนน้อยกว่าแบบใบกลม จับเทียบดูจะรู้สึกได้ชัด

การปลูก : ขยายพันธ์โดยการปักชำ ให้ตัดกิ่งที่มีท่อนยาว 10-15 ซ.ม. เด็ดใบออกให้หมดนำไปรับปะทาน นำกิ่งมาปักชำ ไว้ในที่รำไร และหมั่นรดน้ำเสมอๆ เช้า-เย็น ประมาณ 7-10 วัน ก็จะแตกยอด ออกราก เป็นต้นใหม่ เมื่อโตเต็มที่จะออกดอกสีเหลือง ส่วนเมล็ดเพาะไม่ขึ้น ต้องปักชำกิ่งเท่านั้น
                แปะตำปึง ไม่ชอบร่มมากนัก ชอบดินร่วน ชอบแดดพอควร ชอบน้ำ แต่อย่าให้มีที่รองน้ำก้นกระถาง รากจะเน่า

สรรพคุณ : สรรพคุณของทั้งสองมีเหมือนกัน มีรสเย็น ใช้ใบเป็นยา รสชาติคล้ายใบชมพู่สาแหรก โรค(ที่มีผู้รับรองว่า)สมุนไพรชนิดนี้รักษาหายแล้วได้แก่ เบาหวาน ความดันสูงภูมิแพ้ หอบหืด มะเร็ง งูสวัด เกาต์ ริดสีดวงทวารหนัก ขับนิ่ว แผลสะเก็ดเงิน แผลอักเสบพุพอง ฝีหนอง ปวดประจำเดือน ปวดเส้น ปวดหลัง ไขมันในเลือด ไทรอยด์ ตาอักเสบตาเป็นต้อ โรคตาต่างๆ ปวดเหงือก ปวดฟัน โรคกระเพาะอาหาร โรคหัวใจ โลหิตจาง ฟอกเลือด ล้างสารพิษในร่างกาย ขับลม กินได้ นอนหลับ คนปกติทั่วไปกินแล้วสุขภาพแข็งแรง เรียกว่าเป็นสมุนไพรครอบจักรวาลเลยทีเดียว

วิธีใช้ : เป็นพืชสมุนไพรครอบจักรวาลที่ไม่มีพิษภัย ใช้ใบสดๆ ล้างให้สะอาด ซับน้ำให้แห้ง นำมาเคี้ยวกินสดๆหรือใช้ประกอบอาหารกิน เช่นแกงจืดหรือผัดน้ำมัน หรือเป็นเครื่องเคียงกับขนมจีน ส้มตำ สลัดผัก ฯลฯได้ หรือจะนำใบมาล้าง ผึ่งแห้ง นำมาบดหรือตำ คั้นเอาแต่น้ำนำไปนึ่งให้สุก ปล่อยให้เย็น ใส่ขวด ใส่ตู้เย็นเก็บไว้ได้นาน แต่ที่ได้ผลดีที่สุด คือกินใบสด ก่อนเข้านอน 3-5 ใบ

วิธีใช้เฉพาะโรค :

โรคเบาหวาน - กินใบสดๆ 2-5 ใบ ช่วงตี 5 -ถึง 7 โมงเช้าก่อนอาหาร เพราะลำไส้เริ่มทำงานจะได้ผลเร็ว และกินอีกครั้งหลังอาหารเย็น 2-3 ชั่วโมงหรือกินก่อนนอน กินเช่นนี้นาน 7 วัน หยุดดูอาการ 2-3 วัน จึงกินต่อเพื่อน้ำตาลในเลือดจะได้ไม่ลดเร็วเกินไป (ขอเสริมตรงนี้นิดนึงว่า ปริมาณการกินของแต่ละคนอาจไม่เท่ากันขึ้นกับขนาดของใบและน้ำหนักตัว จึงขอให้คนป่วย เบาหวานทดลองกินจำนวนใบน้อยๆ ก่อนแล้วคอยดูอาการ เพราะเคยมีคนบอกว่าบางคนกินแล้วน้ำตาลลดแบบฮวบฮาบ ซึ่งไม่รู้ว่ากินเยอะไปหรืออย่างไรและบางคนบอกว่าใบยาวลดน้ำตาลได้มากกว่าแบบใบกลมด้วย และพืชชนิดนี้ยังไม่มีผลการวิจัยรองรับเป็นทางการ จึงควรใช้ด้วยการระมัดระวังไว้ก่อนล่ะดี)

โรคตา นำใบสด ๆ มาล้างให้สะอาด บด-โขลกในครกสะอาดๆ ให้แหลก แล้วนำมาพอกตาข้างที่อักเสบหรือมัว นาน 30 นาที ก่อนจะล้างออกด้วยน้ำ พอกเช้า-เย็น ตาจะดีขึ้นเร็ว

มะเร็งและความดันสูง-ต่ำ - ให้กินเป็นผัก เช่น จิ้มน้ำพริก ทุกวัน ถ้าเป็นมะเร็งกินก่อนนอน 5-7 ใบ ก่อนนอน ประมาณ 6 เดือน มะเร็งจะลดขนาดลง

งูสวัด - นำใบมาตำกับน้ำตาลทรายแดง เพื่อให้จับตัวเป็นก้อน ไม่หลุดง่าย พอกตรงรอยแผลไว้30 นาที หรือใช้น้ำคั้นทาก็ได้

ริดสีดวงทวารหนัก - ตำใบสดแล้วใส่ในทวาร จะทำให้หายเร็ว ติ่งที่โผล่จะยุบ เลือดที่ออกจะหยุด

โรคกระเพาะ - ถ้าปวดท้องและเป็นโรคกระเพาะ ให้กินเดี๋ยวนั้น สักพักอาการปวดจะหายไปยังช่วยขับลมที่แน่นในท้องออกมาได้ด้วย

สิ่งที่ควรระวัง- อาหารแสลง เช่น กุ้ง เนื้อ ปลาหมึก ปู ปลาทู ปลาร้า หูฉลาม กะปิ ข้าวเหนียวหน่อไม้ แตงกวา หัวผักกาด เผือก สาเก ของดอง แอลกอฮอล์ ชา กาแฟ ควรงด แต่หากจำเป็นต้องกิน ขอให้กินแปะตำปึง ก่อนหรือหลัง 2 ชั่วโมง

การปลูกใช้เอง ไม่ควรใช้ยาฆ่าแมลง หรือถ้ามีการใช้ปุ๋ย ควรทิ้งไว้อย่างน้อย 1 อาทิตย์ก่อนเก็บใบมาใช้ และควรล้างให้สะอาดๆก่อนนำมาใช้ (โดยเฉพาะการพอกตา)
ข้อมูลจาก นสพ.เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 28 มกราคม 2548


แปะตำปึงที่ผมซื้อมาปลูกไว้ เดือนกว่า ๆ ครับ
น่าจะเรียกว่า จินฉี่เหมาเยี่ยมากกว่า เพราะใบยาว
แต่เห็นส่วนมากก็เรียกรวม ๆ กันว่าแปะตำปึง เหมือนกันหมด


 
แหล่งอ้างอิง:




วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2555

ธรณีสาร รักษาแผลในปาก เหงือกบวม ปวดฟัน



ธรณีสาร รักษาแผลในปาก เหงือกบวม ปวดฟัน
ชื่อวิทยาศาสตร์ Phyllanthus pulcher Wallich ex Muell. Arg.
ชื่อวงศ์ EUPHORBIACEAE
ชื่อภาษาอังกฤษ Tropical leaf-flower
ชื่ออื่น เสนียด, ธรณีสาร(กลาง), กระทืบยอบ(ชุมพร), ก้างปลาดิน, ดอกใต้ใบ
(นครศรีธรรมราช), คดทราย (สงขลา), ก้างปลาแดง, ครีบยอด (สุราษฎร์ธานี),
ก้างปลา(นราธิวาส), มะขามป้อมดิน(เชียงใหม่)

ลักษณะทั่วไป
          ธรณีสาร เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูง 1-1.5 เมตร เปลือกต้นเรียบ สีน้ำตาล มีรอย
แผลใบชัดเจน ใบ เป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับ ประมาณ 15-30 คู่ รูปรีแกมขอบ
ขนาน กว้าง 0.8-1.3 ซม. ยาว 1.5-2.5 ซม. โคนใบเบี้ยวปลายใบมน ขอบใบเรียบ
หลังใบและท้องใบเรียบ สีเขียว ดอก ดอกแยกเพศอยู่ต้นเดียวกันดอกเพศผู้ออก
เป็นกระจุก ตามซอกใบ กลีบดอกมี 4 กลีบ ดอกเพศเมียออกตามซอกใบในส่วน
ของก้านใบ ดอกห้อยลง กลีบดอกมี 6 กลีบโคนติดกันสีม่วงแดงปลายแหลมปลาย
เป็นสีเขียวขอบจักเป็นฝอย ผล รูปทรงกลม สีน้ำตาลอ่อน

การปลูก
ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด แต่ส่วนมากจะหาเมล็ดไม่เจอ มันเล็กมาก  ต้องรอให้เมล็ดหล่นแล้วโตเป็นกล้าอายุประมาณ 3-4 สัปดาห์เสียก่อน  จึงค่อยแยกไปลงกระถางภายหลัง
สรรพคุณ
ในเด็ก แก้ไข้ตัวร้อน โรคตาลทราง ขัดเบา เด็กตัวร้อน ๆ เย็น ๆ ไม่ยอมกินนม
คนทั่วไป รักษา แผลในปาก เหงือกบวม ปวดฟัน แก้ไข้ตัวร้อน โรคตาลทราง แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ปวดท้องโดยช่วยขับลม แก้ฝี แก้ปวดบวม แก้ผื่นคัน
วิธีการใช้
1. เด็กที่มีอาการไข้ ตัวร้อน หรือโรคตาลทราง หรือเด็กตัวร้อน ๆ เย็น ๆ ไม่ยอมกินนม ใช้ใบธรณีสารมาตำให้ละเอียดแล้วผสมกับพิมเสนพอสมควร แล้วใช้ยานี้กวาดคอ
2. อาการขัดเบาในเด็ก  ให้ใช้ต้นฝนทาที่ท้อง
3. พิษฝีอักเสบ ให้ใช้ต้นฝนทา
2. ผู้ใหญ่ที่ท้องอืดท้องเฟ้อ ปวดท้อง ใช้ต้นและรากต้มน้ำกินเป็นยาขับลมได้
3. แก้เหงือกบวม ปวดฟัน แก้ปวดบวมและผื่นคันตามร่างกาย แก้ฝี ให้ใช้ใบตำพอกบริเวณที่เป็น
ความเป็นมงคลของว่านธรณีสารตามคติคนโบราณ
คนโบราณยกให้เป็นไม้มงคลชั้นสูง โดยเชื่อว่าว่านธรณีสารสามารถแผ่อิทธิคุณคุ้มครองอาณาบริเวณนั้นให้รอดพ้นจากมนต์ดำ ความจัญไรได้อย่างสบาย  และนิยมเอาใบและก้านมาใช้ประพรมน้ำมนต์เพื่อปัดรังควาญ

ที่มา :




ธรณีสาร วันแรกที่ผมซื้อมาจากงานเกษตรแฟร์


ธรณีสาร ถ่ายเมื่อกลางวัน เลี้ยงไว้ 1 เดือน กับอีก 1 อาทิตย์


ดอกสวย ๆ ของธรณีสาร
ผมตัดภาพให้สัดส่วนพอดีกับหน้าจอเลยครับ
ทำเป็นวอลล์เปเปอร์หน้าคอมพ์ตัวเอง หุหุ ^_^


          จากที่ได้ดูแลมาเดือนกว่า ผมก็รดน้ำเช้า-เย็น (ถ้าฝนไม่ตก) ตอนมาอยู่อาทิตย์แรก ไม่โตแถมเหมือนเป็นโรคซึมเศร้ายืนคอตกอีกต่างหาก จนกลัวว่าจะตาย เลยลองขยับ ๆ เข้าร่มสักหน่อย ก็รู้สึกว่าเค้าสดชื่นขึ้น และเมื่อฝนตกติดต่อกัน เค้าเริ่มแตกยอดใหม่ ทีนี้แหละโตไวมากครับ สังเกตได้ตอนปลายสูงโปร่งขึ้นมาก ดูแลง่ายครับ ไม่มีแมลงรบกวน แค่ระวังอย่าไปรดน้ำแรง เดี๋ยวดอกจะร่วงหมด ไม่สวย

22 กันยายน 2555

วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555

ว่านมหากาฬ ดับพิษ เริม งูสวัด แมงป่อง


ว่านมหากาฬ ดับพิษ เริม งูสวัด แมงป่อง
21 กันยายน 2555

          ช่วงนี้ผมขอลงเรื่องสมุนไพรต่าง ๆ ที่ผมได้ซื้อมาปลูกไว้ วันละชนิด โดยหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต(เล่นง่าย) แล้วนำมาเรียบเรียงลงบล็อกไว้ครับ


ว่านมหากาฬ


ชื่อวิทยาศาสตร์
Gynura pseudo – china hispida.
วงศ์
COMPOSITAE
ชื่ออื่นๆ
ผักกาดกบ ผักกาดนกเขาดำ โคก หนาดแห้ง
ลักษณะทั่วไป
ว่านมหากาฬเป็นพันธุ์ไม้เลื้อย มีหัวอยู่ใต้ดิน เนื้อของหัวเป็นสีขาว ใบมีลักษณะคล้ายใบผักกาด ใบหนาและแข็ง พื้นใบสีเขียวอ่อน มีลายสีม่วงซีด ๆ บนใบ ใบอ่อนจะเป็นสีม่วงแก่ ตามแขนงใบเป็นสีขาว ก้านใบเมื่อแก่จะเปลี่ยนจากสีม่วงเป็นสีขาว ดอกมีลักษณะเป็นฝอยก้านดอกยาว มีสีเหลือง คล้ายดอกดาวเรืองแต่มีขนาดเล็กกว่ามาก
การขยายพันธุ์
ขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ
สภาพดินฟ้าอากาศ
ชอบดินร่วนซุย และดินปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี มีอาหารอุดมสมบูรณ์ มีความชุ่มชื้น ควรได้รับแสงแดงปานกลาง
การปลูก
ปลูกได้ทุกฤดู  ให้เตรียมดินโดยขุดดินตากแดดไว้ให้ร่วนซุย ใส่ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยพืชสดกลบหน้าพอสมควร หลังจากตากดินแล้วจึงขุดกลับคืน ย่อยดินเพื่อให้ร่วนซุยอีกครั้ง ใช้หน่อพร้อมติดดินและรากด้วย ฝังไว้ในหลุมที่ขุดไว้หลุมละ 1 หน่อ กลบดินเท่ากับความลึกของหน่อที่ขุดจากที่เดิม
การบำรุงรักษา
ควรรดน้ำวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น และหมั่นดูแลความชุ่มชื้นแต่ไม่ควรให้แฉะมากเพราะอาจทำให้ใบเน่าได้ง่าย การใส่ปุ๋ยอาจใส่เดือนละครั้ง ปุ๋ยที่ให้ควรเป็นปุ๋ยบำรุงใบและบำรุงส่วนหัวที่อยู่ใต้ดิน
สรรพคุณ
แก้ไข้ แก้ฝี แผลพุพอง ห้ามเลือด แก้งูสวัด เริม พิษจาก แมงป่อง ต่อ แมลงภู่ พิษปวดแสบปวดร้อน
วิธีการใช้
1. เริม งูสวัด ใช้รากและใบสด กะจำนวนตามที่ต้องการตำรวมกัน แล้วใช้พอกบริเวณที่เป็นเริม งูสวัดจะช่วยแก้ปวดบวม ถอนพิษปวดแสบปวดร้อน และรักษาอาการงูสวัด และ โรคเริมให้ค่อยๆทุเลาลงและหายในที่สุด ซึ่งจากการทดลองกับผู้ป่วยที่เป็นงูสวัดและ โรคเริมแล้วสรุปได้ว่า สารสกัดจากใบทำให้อัตราการกลับมาเป็นใหม่ของโรค ลดลงอีกด้วย
2. ถอนพิษไข้ โดยใช้รากกะเอาจำนวนพอประมาณต้มน้ำดื่มเรื่อยๆ ต่างน้ำชา อาการไข้จะทุเลาและหายในที่สุด
    - หรือใช้ใบสดโขลกผสมกับเหล้า กินดับพิษไข้เซื่องซึม ดับพิษกาฬ พิษร้อน กระสับกระส่าย รักษาพิษอักเสบ
3. ฝีแผลพุงพอง นำหัวว่านมหากาฬตำพอก หรือฝนกับน้ำปูนใส ทาบริเวณที่เป็นฝีและแผลพุพอง วันละ 34 ครั้ง
     - หรือจะใช้ใบสด 5-6 ใบ โขลกผสมกับเหล้า ใช้พอกฝีหรือหัวสำมะรอก ทำให้เย็น ถอนพิษ บรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อน
4. ขับระดู  ใช้ใบสด
5. พิษงู นำใบว่านมหากาฬมาขยี้ จนช้ำแล้วนำไปพอกแผล ผูกด้วยผ้าไว้ประมาณ 10-12 ชม. อาการปวดจะหายไป (น่าจะหมายถึงงูพิษอ่อน ถ้างูพิษร้ายแรงให้รีบไปหาหมอดีกว่า)
6. พิษแมงป่อง(ทหารราบ) ต่อ แตน แมลงภู่ ผึ้ง(ทหารอากาศ) ^_^
    นำ ใบว่านมหากาฬมาตำและพอกไว้ สักครู่ใหญ่ๆ ความเจ็บปวดเริ่มทุเลาและหายไปในที่สุด อาการบวมก็จะลดลง
7. ห้ามเลือด หากมีบาดแผล มีเลือดไหลไม่หยุด นำใบว่านมหากาฬขยี้แล้วโปะบนบาดแผล รับรองว่า เลือดหยุดไหลภายในเวลาไม่นานนัก

ที่มา :

ภาพเต็ม ๆ ว่านมหากาฬ วันแรกที่ซื้อมาครับ
ปลูกง่ายมากครับ จากที่เลี้ยงไว้ได้เดือนกว่า ๆ รู้สึกว่า
เค้าชอบร่ม ๆ ใต้ต้นไม้ แต่ต้องมีแสงบ้าง ชอบอากาศเย็น ๆ ชื้น ๆ สักหน่อย
โตไวมากครับ ผมเลี้ยงไว้เดือนกว่า มีกิ่งยาวออกมาข้าง ๆ 2 กิ่ง
และนี้มีต้นเล็ก ๆ แทงขึ้นมาแล้ว 2 ต้นครับ
--------------------
ส่วนภาพด้านบนนั้น จำเป็นต้องบังคับสัดส่วนให้ได้ 4:3
เมื่อโชว์ในหน้าแรกแล้วสัดส่วนจะไม่เพี้ยน

Share

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Best Blogger TipsBest Blogger Tips