วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

การทำน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น



มาทำน้ำมันมะพร้าวแบบสกัดเย็น 
โดยกรรมวิธีแบบธรรมชาติล้วน ๆ กันเถอะ

หลังจากที่ได้ทำน้ำหมักมาพอสมควรแล้ว ช่วงนี้จึงเปลี่ยนมาทำน้ำมันมะพร้าว แบบสกัดเย็น ดูบ้าง
ผมที่ได้อ่านข้อมูลที่  ดร.ณรงค์ โฉมเฉลา บรรยายถึงสรรพคุณของน้ำมันมะพร้าวแล้ว รู้สึกว่ามีประโยชน์มากจริง ๆ วันนี้ได้โอกาสดี ผมจึงลองทำมะพร้าวอีกเป็นครั้งที่สอง หลังจากครั้งแรกนั้น ได้ทำสำเร็จมาแล้ว แต่ยังไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่  โดยกรรมวิธีนั้นผมได้หาอ่านในเน็ตนี่แหละครับ
ขอออกตัวไว้ก่อนว่า ผมพึ่งทำครั้งที่สอง และที่ต้องการนำเสนอเพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้สนใจทำเท่านั้น ไม่ขอรับรองว่ากรรมวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่ขอยืนยันว่าเป็นวิธีสะดวกและง่าย และต้องการนำเสนอเพื่อให้เป็นอุทาธรณ์ จึงบอกทั้งกรรมวิธีที่ถูกและผิดครับ

ก่อนอื่นมาดูสรรพคุณของน้ำมันมะพร้าวกันก่อน มีอะไรกันบ้าง

1. ช่วยลดอนุมูลอิสระที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของไขมันในร่างกายโดยเฉพาะ
ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดมะเร็งและไขมันอุดตันรวมถึงโรคหัวใจซึ่งต่างจากการต้านอนุมูลอิสระของน้ำหมักจากผลไม้
2. ช่วย ตับ ไต ต่อมลูกหมาก ไทรอยด์ ให้ทำหน้าที่เป็นปกติ
3. ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็ง หัวใจ เบาหวาน
4. เพิ่มไขมันชนิดดี HDL และลดไขมันชนิดเลว HDL
5. มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ
6. มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อที่ก่อโรค แต่ไม่ทำลายเชื้อที่ดีในลำไส้
7. ช่วยส่งเสริมให้เอนไซม์ต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
8. นำไปทำออยล์พูลลิ่งได้
9. นำไปชโลมผิวพรรณให้ชุ่มชื้น
10. มีวิตามินอีสูง ช่วยป้องกันรักษาฝ้า และนำไปใช้เป็นยากันแดดได้
ฯลฯ


ตารางเปรียบเทียบน้ำมันชนิดต่าง ๆ



มาเริ่มทำน้ำมันมะพร้าวกันเลยดีกว่าครับ





1. เมื่อได้กะทิมาแล้ว ให้คั้นกับน้ำอุ่นในอัตรา 1:1 โดยคั้นน้ำเดียวพอถ้าจะให้ดีควรเลือก มะพร้าวที่แก่จัด แต่ห้ามมีจาว จะได้น้ำมันเยอะ
ผมซื้อกะทิมา 6 โล ราคา 300 บาท
เมื่อได้น้ำกะทิมาแล้วผมได้นำมาใส่โหลแก้ว ปิดฝาด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ ตั้งทิ้งไว้ ปล่อยให้กะทิแยกชั้นเอง




2. เมื่อตั้งไว้ครบ 12 ชม. แล้ว สังเกตุดู น้ำจะแยกเป็น 2 ชั้น







3. ผมได้สูตรแรกมา
เค้าบอกว่าให้ตั้งทิ้งไว้ 36 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำแยก เป็น 3 ชั้น
แล้วให้ดูดน้ำชั้นล่างอออก แล้วตักชั้นไขมันด้านบนทิ้งไป
ที่เหลือชั้นกลางจะเป็นน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น
ผมจึงทำตามสูตร
และผมได้ปิดโหลด้วยฝาหม้อ






4. หลังจากปิดปากโหลด้วยฝาหม้อ แล้วปล่อยให้ทิ้งไว้ 3-4 ชม. มาดูอีกที ได้เรื่องเลยเลยครับ พอดีวันนั้นอากาศร้อนมาก กะทิชั้บนจึงขยายตัว คล้าย ๆ กับเดือด จึงต้องเอาฝาออก (นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถ้าทำหน้าร้อนไม่ควรปิดฝาครับ)







5. เอาฝาออกแล้วพอดีดูข้อมูลในเน็ตเพิ่มเติม เค้าบอกว่าอย่าให้โดนแดดเพราะจุลินทรีย์จะตาย เลยรีบแจ้นหากระดาษหนังสือพิมพ์มาคลุม






6. เมื่อตั้งทิ้งไว้จนครบ 36 ชม. จึงเปิดออกดู
เศร้าใจมาก น้ำมันแยกเป็น 3 ชั้นจริงอยู่ แต่ชั้นของน้ำมันน้อยมาก ๆ
จึงจำใจต้องทำตามขั้นตอนต่อไป คือดูดน้ำที่อยู่ด้านล่างออก
แล้วค่อย ๆ ตักกะทิชั้นบนออก ต้องตักด้วยความใจเย็นมาก
แล้วจึงตามด้วยการตักตักน้ำมันออกมา
ผมตักน้ำมันมาได้แค่ 1 แก้วเท่านั้นเอง
   ทำไงดีล่ะ คิดอยู่ในใจ  ถามกูเกิ้ลดีกว่า
(ในภาพนี้ผมดูดน้ำชั้นล่างออกแล้ว เหลือแต่ชั้นของน้ำมันกับกะทิ)






7. ค้นข้อมูลดูหลาย ๆ ที่ จนตาลาย จึงตัดสินใจทำตามสูตรนี้ดีกว่า เพราะเห็นคนเข้ามาดูกันเยอะมาก
ลิ้งค์ครับ


เมื่อได้สูตรใหม่แล้ว ผมจึงนำกะทิที่อยู่ชั้นบนสุด(รูปที่แล้ว) มัดใส่ถุงพลาสติก ได้ 2 ถุง แล้วนำไปแช่ตู้เย็นช่องธรรมดา 8 ชั่วโมง เมื่อกะทิแข็งดีแล้ว ก็นำมาห่อผ้าแล้วแขวนไว้เป็นเวลา 36 ชม. (ตามรูป)






8.ตามสูตรใหม่นี้บอกว่า ในครึ่งชั่วโมงแรกจะมีน้ำหยดออกมาให้ทิ้งไป ผมตั้งทิ้งไว้ก็ไม่เห็นมีน้ำหยดออกมา สงสัยว่าเป็นเพราะเราดูดน้ำออกไปตั้งแต่ขั้นตอนแรก
แล้วผมก็ต้องร้องเพลงรอต่อไป ในใจก็กังวลว่ามันจะเสียหรือเปล่า และยังสงสัยว่าถ้าไม่เข้าตู้เย็นก่อนจะเป็นอะไรมั๊ย แต่ก็เอาเถอะทำตามสูตรไปก่อนดีกว่า 
เมื่อตั้งทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชม. (กะทิละลายช้ามาก) ปรากฎว่า แอ่น ! แอ๊น ! น้ำมันเริ่มหยด ออกมาแล้วครับ หยดออกมาเรื่อย ๆ ประมาณ 1 หยด ต่อ 2 วินาที







9.ผมตั้งทิ้งไว้จนครบเวลา 36 ชม. จนมันหยดช้ามาก (แต่ก็ยังหยดอยู่ ประมาณ นาทีละหยด) ผมจึงมาเทใส่เหยือกแล้วตั้งทิ้งไว้สัก 2 ชม. (ตามสูตรบอกว่าแค่ครึ่งชม.ก็พอ) จะสังเกตเห็นน้ำมะพร้าวกับน้ำแยกจากกัน ซึ่งน้ำจะอยู่ด้านล่างและมีไม่กี่หยด ผมจึงค่อย ๆ บรรจงรินน้ำมันออกมาแล้วใช้ผ้าขาวบาง 4 ชั้น กรองใส่เหยือกอีกใบหนึ่ง  ผมทำแบบนี้อยู่ 2 รอบ







10. เมื่อได้น้ำมันที่ใส ดีแล้ว ให้เทใส่ขวด ผมได้ 1 ขวดเฮล์บลูบอยพอดี ขั้นต่อไป(ตามสูตรให้ต้มที่อุณหภูมิ 60 องศาเป็นเวลา 2 ชม.) เพื่อไล่น้ำที่อาจหลงเหลืออยู่ จะเก็บไว้ได้นาน  ไม่เสีย ไม่เหม็นหืน ถ้าทำดี ๆ ก็เก็บได้ถึง 2 ปี
 แต่ผมเห็นว่า ไหน ๆ ก็ทำแบบธรรมชาติ แล้ว ก็เอาให้สุด ๆ ไปเลย ผมจึงตั้งทิ้งไว้กลางแดด ให้ดวงอาทิตย์ต้มให้แทนก็แล้วกัน โดยนำผ้าขาววางบนปากขวดก่อน  แล้วนำสำลียัดลงไป แล้วจึงใช้ผ้าปิดทบมาอีกที แล้วรัดด้วยหนังยาง 
(รูปนี้ข้าน้อยพลาดไปแล้ว ดันโฟกัสด้านหลังเสียได้)







11. เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็จะเป็นแบบนี้








12. นำไปตั้งกลางแดด 1 วันเต็ม ๆ  วันนี้แดดจัดดีมาก
เมื่อหมดแดดแล้ว ให้นำสำลีเช็ดไอน้ำที่เกาะอยู่ในปากขวด






13. สุดท้าย ก็จะได้น้ำมันมะพร้าว ใสแจ๋วสมใจครับ แต่ก็เกือบไม่สำเร็จซะแล้ว
ผมคิดว่าน้ำมันมะพร้าวที่ทำเองนั้นดีกว่าที่มีขายตามท้องตลาดเสียอีกครับ ด้วยเหตุผล 3 ข้อ คือ
1. น้ำมันมีความเบาและมีความหนืดน้อยกว่า ซึ่งเคยอ่านเจอในเน็ตเค้าบอกว่าน้ำมันมะพร้าวที่ดีต้องเบาและไม่หนืดมากเกินไป
2. ซื้อมะพร้าวจากคนที่รู้จัก จึงไว้ใจได้ในเรื่องสารพิษ เพราะได้ข่าวว่า ช่วงนี้มะพร้าวในบ้านเราราคาตก เพราะส่งออกไม่ได้ เจอตีกลับ เนื่องจากตรวจเจอสารในมะพร้าว เพราะเกษตรบางคนแอบฉีดสารเร่งเข้าไปที่ต้นมะพร้าว
3. ประหยัดกว่า 3 เท่า

หวังว่าใครที่เคยประสบปัญหา ทำน้ำมันมะพร้าวแล้วไม่ได้ผล  น่าจะลองทำดูใหม่นะครับ ตามขั้นตอนนี้ ไม่ยากครับ สวัสดี มีเงินทองใช้ไม่ขาดมือทุกคนนะครับ

3 ความคิดเห็น:

น่าสนใจมาก ขอบคุณมากนะคะ _/|\_

ขอความช่วยเหลือ ช่วยสรุปวิธีสุดท้ายที่ได้ผล ให้ด้วยค่ะ ยังงงอยู่

น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ทำยังไงไม่ให้มีกลิ่นเหม็นหืนของมะพร้าว

แสดงความคิดเห็น

Best Blogger TipsComment Options - You Can Add Images, Colored Text And Marquee Text To Your Comment.

Image - [im]Image URL Here[/im]
Colors - [co="red"]Comment Text Here[/co] - Change Red To The Color You Want.
Marquee - [ma]Comment Text[/ma]
Get This - Blogger Comment Script

Share

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Best Blogger TipsBest Blogger Tips